ทำไมถึงควรปลูกพืชนอกฤดูกาล
หลายคนอาจสงสัยว่า “ปลูกพืชนอกฤดูกาลมันจะคุ้มจริงเหรอ?” คำตอบคือ…คุ้มมากค่ะ! เพราะมันมีข้อดีที่ช่วยให้เกษตรกรและคนปลูกพืชได้ประโยชน์หลายด้านเลย ลองมาดูกันทีละข้อ
ขายได้ราคาดีกว่าปกติ
- ช่วงที่พืชชนิดหนึ่งไม่ใช่ฤดูกาล คนปลูกจะมีน้อย → ของก็ยิ่งขาดตลาด → ราคาก็สูงขึ้นทันที
เช่น ถ้าปลูกแตงกวาช่วงหน้าหนาวที่คนอื่นไม่ค่อยปลูก ผลผลิตของเราจะได้ราคาดีกว่าปกติแน่นอน
- ช่วงที่พืชชนิดหนึ่งไม่ใช่ฤดูกาล คนปลูกจะมีน้อย → ของก็ยิ่งขาดตลาด → ราคาก็สูงขึ้นทันที
สร้างโอกาสทำกำไรต่อเนื่อง
- การปลูกพืชแบบปกติ เราอาจมีรายได้แค่บางฤดู แต่ถ้าปลูกนอกฤดูกาลได้ จะช่วย “ต่ออายุการขาย” ให้มีรายได้สม่ำเสมอมากขึ้น เหมือนธุรกิจที่ไม่ต้องหยุดรอฤดูกาล
ลดความเสี่ยงจากสภาพอากาศ
- สภาพอากาศบ้านเราบางทีก็เดายาก ทั้งฝนตกหนัก แดดแรง หรือพายุมาแบบไม่บอกล่วงหน้า การใช้โรงเรือนพลาสติกช่วยควบคุมสภาพแวดล้อม ทำให้พืชยังเติบโตได้แม้อากาศภายนอกจะไม่นิ่ง
ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่อยากกินผักผลไม้ตลอดปี
- ทุกวันนี้ผู้บริโภคอยากกินผักสด ผลไม้สวย ๆ ได้ทุกฤดูกาล การปลูกพืชนอกฤดูกาลจึงตอบโจทย์ตลาดได้ตรงเป๊ะ ใครทำได้ก่อนก็เหมือนได้เปรียบ
เป็นการใช้เทคโนโลยีช่วยให้เกษตรก้าวทันยุค
- การปลูกพืชนอกฤดูกาลไม่ใช่เรื่องไกลตัวแล้ว เพราะมี พลาสติกคลุมโรงเรือน ที่ช่วยให้ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และแสงได้ง่าย ๆ เท่ากับว่าเราใช้เทคโนโลยีมาช่วยให้พืชเติบโตได้ทุกเมื่อที่เราต้องการ
เหตุผลว่าทำไมพลาสติกคลุมโรงเรือนถึงเหมาะกับการปลูกพืชนอกฤดู
ควบคุมอุณหภูมิ
- พลาสติกจะช่วยกักเก็บความร้อนจากแสงแดดในตอนกลางวัน และลดการสูญเสียความร้อนในตอนกลางคืน ทำให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้แม้อุณหภูมิภายนอกไม่เหมาะสม
ป้องกันฝนและลมแรง
- ฝนหรือพายุอาจทำให้พืชเสียหายได้ พลาสติกคลุมโรงเรือนช่วยปกป้องพืช ลดความเสียหาย
ลดปัญหาแมลงศัตรูพืช
- การคลุมช่วยลดการเข้าถึงของแมลงบางชนิด ทำให้พืชมีโอกาสเติบโตได้ดี
ปรับความชื้นและแสงได้
- พลาสติกบางชนิดสามารถกรองแสง UV หรือกันร้อน ทำให้พืชได้รับแสงและความชื้นในปริมาณที่เหมาะสม
สรุปง่าย ๆ คือ มันเหมือนการสร้างสภาพแวดล้อมจำลองที่พืชชอบ ทำให้เกษตรกรสามารถปลูกพืชนอกฤดูกาลได้จริง ดูคลิปเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกพืชนอกฤดูกาลได้ที่นี่…
วิธีเลือกพลาสติกคลุมโรงเรือนสำหรับปลูกพืชนอกฤดูกาล
เลือกความหนาและคุณสมบัติของพลาสติก
- สำหรับผักที่ต้องการแสงมาก ควรเลือกพลาสติกใส
- หากปลูกผักที่ไวต่อความร้อน ควรเลือกพลาสติกสะท้อนแสงหรือกันร้อน
ตรวจสอบความทนทาน
- พลาสติกที่ทน UV และแรงดึงสูง จะช่วยให้ใช้งานได้หลายปี
ขนาดและการคลุม
- เลือกพลาสติกที่สามารถคลุมโครงสร้างโรงเรือนได้พอดี ไม่ตึงหรือหย่อนเกินไป
ตัวอย่างสินค้าที่เชื่อถือได้: พลาสติกคลุมโรงเรือน SAFARI จาก taokae-plast ซึ่งเหมาะทั้งการปลูกพืชในฤดูปกติและนอกฤดูกาล
การติดตั้งและดูแลรักษาดี จะช่วยให้ปลูกพืชนอกฤดูกาลได้สำเร็จและต่อเนื่องหลายปี
เคล็ดลับการปลูกพืชนอกฤดูกาลให้ได้ผลดี
เลือกพลาสติกให้ตรงกับงาน
- ถ้าปลูกพืชที่ต้องการแดดเยอะ → ใช้ พลาสติกใส กรอง UV
- ถ้าพืชไม่ค่อยชอบร้อน → ใช้พลาสติกที่ ช่วยสะท้อนความร้อน
- ซึ่งพลาสติกคลุมโรงเรือนSAFARI มีคุณสมบัติทั้ง 2 แบบ เพราะมีสารป้องกันUV ถึง 7% และสามารถสะท้อนความร้อนได้ดี
อย่าลืมเรื่องการระบายอากาศ
- โรงเรือนที่ดีต้องมีลมถ่ายเท ไม่อย่างนั้นอากาศร้อนสะสมจนพืชเครียดได้
- เจาะช่องลมไว้ด้านข้าง
- หรือทำประตู-หน้าต่างเล็ก ๆ ให้เปิดได้บ้าง
จัดการน้ำให้พอดี
- ถ้ามีระบบน้ำหยดจะช่วยมากเลยนะคะ พืชได้รับน้ำสม่ำเสมอ ไม่เปียกจนชื้นเกินไป
- ถ้าใช้รดน้ำเองก็แนะนำให้ดูความชื้นดิน ไม่ต้องรดบ่อยเกินไป
ดูแลพลาสติกให้อยู่ในสภาพดี
- หมั่นเช็กว่าพลาสติกยังตึง ไม่หย่อน
- ถ้ามีรอยขาดเล็ก ๆ ให้ซ่อมทันที ไม่งั้นลมแรงจะฉีกขาดเพิ่ม
- ล้างฝุ่นบ้างเพื่อให้แสงผ่านได้ดี
เลือกพืชที่ใช่
- เลือกพืชที่ตลาดต้องการ: ผักสลัด มะเขือเทศ แตงกวา หรือพริกหวาน พวกนี้เป็นพืชยอดนิยม ปลูกเมื่อไรก็ขายง่าย
- เลือกพืชที่โตได้ดีในโรงเรือน: ไม่ใช่ว่าพืชทุกชนิดจะเหมาะกับการปลูกในโรงเรือนเสมอไป บางชนิดต้องการอากาศถ่ายเทเยอะกว่าที่พลาสติกจะให้ได้
- เลือกพันธุ์ที่ทนต่อสภาพอากาศ: ถ้าอยากปลูกผักสลัดในหน้าร้อน ก็ควรเลือกพันธุ์ที่ทนความร้อน ไม่อย่างนั้นแม้โรงเรือนจะช่วย ก็อาจได้ผลผลิตไม่เต็มที่
สรุป
พลาสติกคลุมโรงเรือนช่วยให้เกษตรกรสามารถปลูกพืชนอกฤดูกาลได้ หากเลือกพลาสติกคุณภาพสูงในการติดตั้ง และดูแลรักษาอย่างถูกต้อง
หากต้องการพลาสติกคลุมโรงเรือนที่มีคุณภาพ ทนทาน และเหมาะกับการปลูกพืชนอกฤดูกาล สามารถเลือกชมและสั่งซื้อได้ที่ พลาสติกโรงเรือน จาก taokae-plast