ป้องกันปัญหาพลาสติกโรงเรือนขาดง่าย ด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง

ป้องกันปัญหาพลาสติกโรงเรือนขาดง่าย

โรงเรือนพลาสติกเป็นโครงสร้างที่มีความสำคัญต่อเกษตรกรไทย เนื่องจากสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมในการเพาะปลูกได้ดี ช่วยเพิ่มผลผลิตและลดความเสียหายจากสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่พบบ่อยคือพลาสติกคลุมโรงเรือนขาดง่ายหรือเสื่อมสภาพเร็ว ซึ่งส่งผลให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่อยู่เสมอ บทความนี้จะนำเสนอแนวทางและเทคนิคที่ถูกต้องในการป้องกันปัญหาดังกล่าว

  เลือกใช้พลาสติกโรงเรือนคุณภาพสูง

การเลือกใช้วัสดุพลาสติกที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของโรงเรือน โดยมีข้อควรพิจารณาดังนี้ค่ะ

  • เลือกพลาสติกที่มีสารป้องกันรังสีUV พลาสติกที่มีการเติมสารป้องกันรังสียูวี (UV Stabilizer) จะช่วยลดผลกระทบจากแสงแดด ทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพช้าลง
  • เลือกพลาสติกที่มีความหนาเหมาะสม ความหนาของพลาสติกที่ใช้ควรอยู่ในช่วง 150-200 ไมครอน ซึ่งสามารถทนต่อแรงลมและสภาพอากาศที่แปรปรวนได้ดี

  การติดตั้งพลาสติกโรงเรือนที่ถูกต้อง

แม้ว่าจะเลือกพลาสติกที่มีคุณภาพดี แต่หากติดตั้งไม่ถูกต้องก็อาจทำให้พลาสติกขาดหรือเสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้ ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้ 

  • ขึงพลาสติกให้ตึงพอเหมาะ การขึงพลาสติกให้ตึงช่วยลดการกระพือจากลม ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พลาสติกขาดง่าย อย่างไรก็ตาม ไม่ควรขึงแน่นเกินไปจนเกิดแรงดึงมากเกินไป
  • ใช้วัสดุรองรับที่เหมาะสม บริเวณที่พลาสติกสัมผัสกับโครงเหล็กหรือไม้ควรมีวัสดุรอง เช่น โฟมหรือยาง เพื่อป้องกันการเสียดสีและการฉีกขาด
  • ใช้เชือกหรือลวดรัดพลาสติกให้แน่น การใช้เชือกไนลอนหรือลวดรัดที่มีความยืดหยุ่นช่วยยึดพลาสติกให้อยู่กับที่และลดแรงลมที่มากระทบโดยตรง

  ออกแบบโครงสร้างโรงเรือนให้เหมาะสม

โครงสร้างโรงเรือนมีผลโดยตรงต่ออายุการใช้งานของพลาสติก ดังนั้นควรออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมของพื้นที่

  • เลือกโครงสร้างที่แข็งแรงและยืดหยุ่น ควรใช้วัสดุที่ทนทาน เช่น ท่อเหล็กชุบสังกะสี หรือไม้ที่ผ่านการบำรุงรักษา เพื่อให้สามารถรองรับแรงลมและแรงตึงของพลาสติกได้ดี
  • ออกแบบหลังคาให้มีมุมลาดที่เหมาะสม หลังคาที่มีมุมลาดประมาณ 30-45 องศาจะช่วยให้น้ำฝนไหลลงได้ดี ลดปัญหาน้ำขังบนหลังคา ซึ่งอาจทำให้พลาสติกขาดจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
  • ติดตั้งช่องระบายอากาศ การมีช่องระบายอากาศที่เพียงพอช่วยลดอุณหภูมิและความชื้นภายในโรงเรือน ลดการสะสมของไอน้ำที่อาจทำให้พลาสติกเสื่อมเร็วขึ้น

  การบำรุงรักษาและตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ

การดูแลรักษาโรงเรือนเป็นประจำจะช่วยลดโอกาสที่พลาสติกจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ โดยควรปฏิบัติดังนี้

  • ตรวจสอบสภาพพลาสติกทุก 3-6 เดือน ตรวจสอบว่ามีรอยขาด รอยรั่ว หรือการเปลี่ยนสีของพลาสติกหรือไม่ หากพบปัญหาควรรีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนทันที
  • ทำความสะอาดพลาสติกเป็นประจำ ฝุ่นละอองและตะไคร่น้ำที่เกาะบนพลาสติกอาจลดการส่งผ่านของแสงแดด ควรทำความสะอาดโดยใช้น้ำและผ้าเช็ดอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน การใช้สารเคมีบางชนิดอาจทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ควรเลือกใช้สารทำความสะอาดที่อ่อนโยน

ปัญหาพลาสติกโรงเรือนขาดง่ายสามารถป้องกันได้ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ ติดตั้งอย่างถูกต้อง ออกแบบโครงสร้างให้เหมาะสม และดูแลรักษาโรงเรือนอย่างสม่ำเสมอ การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้โรงเรือนมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น แต่ยังช่วยลดต้นทุนในการซ่อมแซมและเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูกได้อีกด้วย

หากใครกำลังมองหาพลาสติกโรงเรือนคุณภาพสูงที่มีมาตรฐาน มีให้เลือกหลายแบบหลายขนาด พร้อมส่งสำหรับลูกค้าทั้งรายเล็กและรายใหญ่ สามารถเข้าชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พลาสติกโรงเรือน